ชวนอ่าน พันสารท เล่ม 1 “ท่านประมุข...เพลาได้เพลาอย่าแกล้งน้อง”
เสียงกรีดร้องจากใจคนอ่านถึงท่านประมุขเมื่อคุณอ่านพันสารท...‘ท่านประมุข...อย่าแกล้งน้อง!!!’
เสิ่นเฉียว หรือ อาเฉียวของท่านประมุข ชายรูปงามที่น่าสงสารที่สุดในเรื่องจริง ๆ
แถมยังต้องมาถูกช่วยชีวิตด้วยประมุขเยี่ยน ประมุขแห่งนิกายมาร ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย
สาวกนิยายของคุณเมิ่งซีสือต้องรีบตามมาทางนี้ หลังจากเราเองโดนตกจาก
‘รัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่’ จนติดงอมแงม ลมอะไรหอบก็ขึ้นจากหลุมไม่ได้อยู่นาน
สุดท้าย ก็มาลงหลุม ‘พันสารท’ จนได้ ใครที่ชอบนิยายวายแนวนายเอกอ่อนนอกแข็งใน ไม่ใช่ใครจะรังแกได้ง่าย
ๆ รวมถึงสไตล์การเล่าเรื่องที่ค่อย ๆ ลากเราเข้าไปสู่โลกของหนังสือ ควรได้ลิ้มลองงานเขียนของคุณเมิ่งดูสักครั้งค่ะ
เรื่องย่อเราขอเล่า
เสิ่นเฉียว เจ้าสำนักเขาเสวียนตูซึ่งถือว่าเป็นสำนักเต๋าแห่งความดีงามอันดับหนึ่งแห่งยุทธภพ
ลูกศิษย์อาจารย์ผู้เก่งกาจแห่งยุคอย่าง ฉีเฟิ่งเก๋อ ได้รับคำเทียบเชิญให้ประลองฝีมือกับคุนเสียยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งทูเจวี๋ย
(ทูเจวี๋ยอารมณ์เป็นแคว้นที่พยายามจะยึดแผ่นดินใหญ่อยู่เนือง
ๆ) ผลกลายเป็นจู่
ๆ ร่างก็ได้ร่วงลงสู่เหวลึก กระดูกแหลก หายใจรวยริน โชคดี (หรือร้าย?) ได้ผู้ช่วยเหลือคือท่านประมุขเยี่ยนอู๋ซือ
ประมุขแห่งนิกายมารผู้เก่งกาจจนทำอะไรไม่เคยสนปี่สนขลุ่นใครทั้งสิ้น
‘หรือว่า
ท่านอยากให้สำนักเขาเสวียนตูติดหนี้บุญคุณ?’ ลูกศิษย์ถาม
‘เปล่า เราอยากรู้ว่าถ้าเจ้าสำนักรู้ว่าตัวเองแพ้จากการประลอง
สูญสิ้นทุกอย่าง บาดเจ็บสาหัส วรยุทธ์แทบจะหายไปหมด เค้าจะรู้สึกยังไง ดีไม่ดีลองชวนเค้าเข้าพรรคมารของเราด้วยก็น่าสนใจ!’
เป็นการช่วยเหลือที่เต็มไปด้วยความคิดอกุศลจริง
ๆ
หลังจากนั้นจึงเป็นเรื่องราวระหว่างเสิ่นเฉียวที่ต้องค่อย
ๆ ฟื้นฟูความทรงจำ ดวงตา วรยุทธ์ อีกทั้งหาความจริงถึงสาเหตุที่ตนพ่ายแพ้การประลอง
และความพยายามของประมุขเยี่ยนที่จะดึงน้องเข้าสายมารอยู่เรื่อย เกิดเป็นบททดสอบต่อจิตใจอันโอบอ้อมอารีของอาเฉียวที่ถึงร่างกายจะบอบบาง
แต่จิตใจนี่มั่นคงเป็นหินผา วรยุทธ์ก็ไม่ธรรมดา (ถึงจะเหลืออยู่ไม่กี่ส่วน) ทำเอาเป็นที่สนใจของท่านประมุขจนไม่ปล่อยน้องอาเฉียวไปไหนซักที
เรื่องราวยังเข้าไปพัวพันกับการตามหาคัมภีร์สุริยัน
การตามหาชิ้นส่วนคัมภีร์ที่เหลือเพื่อเก่งกาจยืนหนึ่งในยุทธภพ
และการแย่งอำนาจระหว่างแคว้นต่าง ๆ ที่ต้องการเป็นผู้รวมแผ่นดินใหญ่เป็นหนึ่งอีกครั้ง
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อ...ต้องตามอ่านกันที่
‘พันสารท’…ThousandAutumm
****************************
รีวิวหลังอ่าน
****************************
ขอต้อนรับทุกคนเข้าสู่โลกแห่งยุทธภพฉบับคุณเมิ่งซีสือ
การอ่านนิยายของคุณเมิ่งซีสือถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง
เรื่องรัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่ก็ได้การันตีความเยอะของตัวละคร เนื้อหา
ความวุ่นวายของการแก่งแย่งชิงดีขององค์กรนั่นนี่มาแล้ว พันสารทก็ไม่เว้นเหมือนกัน
แต่มีความต่างคือ...นี่คือโลกแห่งยุทธภพ!
ใครไม่เคยอ่านแนวยุทธภพมาก่อน
บอกเลยว่า คุณอาจจะต้องไปดูหนังหรือซีรีย์พุทธภพไว้ก่อนซักนิด
หรืออย่างน้อยใครเคยดูเปาบุ้นจิ้นก็ต้องจินตนาการการเหาะเหินเดินอากาศของจั่นเจาซักหน่อย
แล้วจะทำให้ผ่านด่านการบรรยายในฉากต่อสู้ที่เต็มไปด้วยพลังลมปราณต่าง ๆ
ได้อย่างฉลุย บอกได้แค่ว่าหลังผ่านช่วงแรก ๆ ที่ติดขัดเหมือนลมปราณของคุณขัดข้องไปแล้ว
คุณจะอินกับการสะสมกำลังภายในไปโดยไม่รู้ตัว
ถึงขั้นว่าต่อจากนี้ถ้าคุณดูซีรีย์การสู้กันของชาวยุทธ์แล้วเห็นคลื่นสังหารหรือพลังงานวิ้ง
ๆ รอบตัวพวกเค้าคุณจะอธิบายกับเพื่อนคุณได้เลยว่าลมปราณของเค้ากำลัง บลา บลา บลา
บลา แล้วอย่าไปยุ่งเชียวนะแค่ถูกแตะนิดเดียวคุณก็กระเด็นไปไกลถึงสามลี้ได้
มันคือ...การโดนลากเข้าสู่โลกในนิยายด้วยวิธีการของคุณเมิ่งนั่นเอง
ในส่วนของการอิงประวัติศาสตร์ก็ยังคงมีให้เห็น
ไม่ว่าจะเป็นแคว้นโจว ฉี เฉิน ซึ่งตรงกับช่วงราชวงศ์เหนือ-ใต้ของจีนหลังผ่านยุคสามก๊กมาพอดี
เพราะฉะนั้นการพยายามชิงไหวพริบเพื่อชิงแคว้นนั่นนี่โดยมีสำนักของชาวยุทธภพต่าง ๆ
อยู่เบื้องหลังคือมันส์มาก เช่น พรรคมารของประมุขเยี่ยนเป็นผู้หนุนหลังแคว้นโจว
แต่พรรคมารของอีกคนกลับอยู่เบื้องหลังแคว้นฉี
ดินแดนนอกด่านอย่างทูเจวี๋ยก็จ้องจะฮุบแผ่นดินใหญ่ตลอดเวลา บอกได้แค่คุณจะได้เห็นความคิดความอ่านสายตาอันกว้างไกลของประมุขเยี่ยนที่ดูเป็นงานเป็นการก็งานนี้แหละ
ส่วนเรื่องตัวละครที่ว่าเยอะ
เอาเข้าจริง มันก็...เอาเรื่องนิสสสนึง มีบ้างที่จะหลงว่า เดี๋ยวนะ
ไอ้คนนี้มันสำนักไหนนะ แต่ตัวละครหลัก ๆ จะมีบุคลิกเฉพาะตัวที่เราจำได้ง่าย ๆ
ว่า อ๋า คนนี้นี่นา
เพราะฉะนั้นสำหรับเราตัวละครเยอะซักหน่อยเรื่องถึงจะมีสีสัน
ประมุขเยี่ยน
- อาเฉียว ‘เขามิได้รู้สึกว่าตนเองเล่นจนเกินเหตุ
แต่กลับรู้สึกว่าศิษย์ที่ฉีเฟิ่งเก๋อสั่งสอนมาไม่ทนมือเอาเสียเลย’
ในเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละคร สำหรับพันสารทบอกเลยว่าหวือหวากว่ารัชศกเฉิงฮว่ามากกก
ดูได้จากอาเฉียวผู้หน้าตางดงามน่ามองของเราที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นชายบำเรอของประมุขจนนับไม่ไหว
หรือแม้กระทั่งความพยายามของประมุขเยี่ยนที่ชอบลอบจับนั่น จับนี่อยู่เรื่อย
ถ้าถังฟั่น (จากรัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่)
คือขุนนางบุ๋นที่เมื่อพูดถึงความรักสมองจะแปรสภาพเหมือนก้อนแป้งเปียกแล้วละก็
เสิ่นเฉียว
ก็คือเจ้าสำนักที่เมื่อพูดถึงเรื่องความรักก็คือบริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนผ้าขาว
ไม่ต่างจากผู้ทรงศีล แล้วคนที่มาเปิดโลกของอาเฉียวก็ดันไม่ธรรมดา
เป็นถึงขั้นประมุขพรรคมารขนาดนั้นขออัญเชิญป้ายผู้เชี่ยวชาญทางโลกเลยค่ะ
“หรือว่าอาเฉียวของเราสมองไม้โดยกำเนิด
ตั้งแต่เด็กจนโตตั้งใจแต่ฝึกตนบ่มนิสัย ไม่รู้จักความรักชายหญิง...” ประมุขเยี่ยนพูด
เอะอะก็อาเฉียวของเรา แหม่
เพราะฉะนั้นใครอ่านรัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่
แล้วคุณยังมูฟออนจากคุณพี่สุยโจวผู้เป็นดั่งอภิชาติผัวไปไม่ได้
คุณอาจจะต้องเปิดใจกับความ.....ของประมุขเยี่ยนสักเล็กน้อย
จากนั้นหนังสือจะมอบความสนุกให้ในแบบของความหมั่นไส้นายท่านเยี่ยนอู๋ซือเอง ><
ในเล่มแรกนี้ประมุขดูจะช่วยเหลือเสิ่นเฉียวเพราะผลประโยชน์เสียมากกว่า
แต่ความฉลาดของอาเฉียว
ตัวเค้าเองก็รู้ว่าเพราะตนมีประโยชน์จึงดูเหมือนมีคนคุ้มครองตลอดเวลา
นี่คือสิ่งที่เราชอบในตัวอาเฉียวมาก ๆ เค้ามองสถานการณ์ด้วยความเข้าใจ
ไม่ใช่คาดหวัง หรือเข้าข้างตนเอง
ดังนั้นจึงไม่เคยโกรธหรือผิดหวังอะไรต่อประมุขเยี่ยนเลย นั่นคือ ต่อให้ประมุขพยายามจะแอบยั่วโมโหหรือชี้นำทางเสื่อม
ๆ สไตล์ท่านประมุข เสิ่นเฉียวก็ไม่เหลียวแล (คนอ่านก็ได้แต่ลุ้นตลอดว่าอาเฉียวจะตอกกลับประมุขยังไง)
แถมยังยืนยันจะตอบแทนบุณคุณประมุขเยี่ยนที่เคยช่วยเหลือตนเองอีก
ความจิตใจดีมีเมตตานี้ยกให้เสิ่นเฉียวที่หนึ่ง แล้วเราจะตกหลุมรักนายเอกคนนี้ ถึงขั้นประมุขเยี่ยนแซวพร้อมร้อยยิ้มร้าย
ๆ
‘โรคสงสารผู้อ่อนแอของอาเฉียวกำเริบอีกแล้วกระมัง...’
มุมน่ารักของประมุขก็มีเยอะไม่หยอกเลยน้า
ด้วยความแปรปรวนของนิสัยประมุขเยี่ยนที่เล่นเอาคนอ่านตกใจไปพร้อมกับอาเฉียวตลอดเวลา
จนบางครั้งคือเขินแทนอาเฉียวไปเลย
ทำเอาคิดว่าประมุขจะมีปมอะไรต่อนิสัยของขึ้นๆลงๆของเค้ารึเปล่าน้า
หลายครั้งก็ปากหวานซะกลัวอาเฉียวไปหลงคารม
แต่เวลาปากร้ายทีคือคนอ่านต้องตบโต๊ะเพราะแอบชอบคำด่าของประมุข ฮ่า!!
‘เจ้าคิดแต่งกายเป็นเทพธิดา
ก็อย่าเผยสีหน้านางโลมออกมา บุรุษอื่นอาจรับได้ แต่ข้าเห็นแล้วสะอิดสะเอียน
คราวหน้าปรากฎตัวอีกเจ้าก็ปิดหน้าเสียเถิด ข้ามิอย่างกินข้าวไม่ลง’
ดังนั้นจึงต้องมาลุ้นกันต่อว่าซักวันเสิ่นเฉียวจะหลงคารมประมุขเยี่ยนหรือไม่
หรือกลายเป็นตัวประมุขซะเองที่ไปหลงความจิตใจดีมีเมตตาของน้องอาเฉียว
ในฐานะคนอ่านยังรอดูคนร้ายๆ มาหลงน้องอาเฉียวคนงามอยู่นะคะ
ติดตามกันได้ต่อที่
พันสารท เล่ม 2
****************************
ประโยคนี้...จากหนังสือ
คุ้มค่าหรือไม่ ในใจแต่ละคนชั่งน้ำหนักเองได้… P. 33
เป็นประโยคที่เราชอบมาก
คำพูดของเสิ่นเฉียวที่บอกกับลูกศิษย์ของประมุขเยี่ยน นึกถึงบางครั้งคนอื่นชอบบอกเราว่า
เธอทำแบบนั้นมันคุ้มเหรอ? จนบางครั้งเราก็เขวไปกับคำถาม แต่นั่นแหละ
ความคุ้มค่าในมุมมองแต่ละคนไม่เหมือนกันหรอก และไม่จำเป็นต้องเหมือนกันด้วย
เยี่ยนอู๋ซือแค่นเสียงพูด “...เมื่อเป็นเช่นนี้ ไฉนเขายังให้ศิษย์เขาเสวียนตูฝึกวรยุทธ์อะไรอีก เปลี่ยนเขาเสวียนตูเป็นอารามเต๋าธรรมดามิดีกว่าหรือ ใต้หล้าไร้การต่อสู้ ควรเริ่มจากตัวเอง”…P. 168
แค่ฟังก็รู้แล้วว่าประมุขเยี่ยนเกลียดพวกคนหรือนิกายที่เชิดชูว่าตัวเองคุณธรรมสูงส่ง
แต่ความจริงก็เป็นเพียงข้ออ้างปกปิดการกระทำที่ไม่ได้ต่างจากพรรคมารเลย
บนตั่งไม้ไผ่ปูด้วยฟูกขนแกะหนานุ่ม พอนอนลงไป เสิ่นเฉียวรู้สึกเพียงกระดูกทั่วร่างเปล่งเสียงครวญครางอันสุขสบายออกมา…P. 183
คือ มันจะต้องรู้สึกสบายขนาดไหน
...มิตรภาพ...เหล่านั้น ก็ไม่อาจกลับไปเป็นเหมือนอดีตได้อีกแล้ว เรื่องที่พวกเขาหักหลังเจ้าก็ประหนึ่งก้างปลาติดคอ ทำให้เจ้ายากที่จะปล่อยวาง...P. 186
ก้างปลาติดคอคือมันก็ไม่ถึงกับลำบากในการใช้ชีวิตนะ
แต่มันรบกวนจิตใจตลอดเวลาเลยเว้ย!
เสิ่นเฉียวถอนหายใจ “พวกท่านล้วนเห็นข้าเป็นพยัคฆ์ตกยากจำยอมให้ผู้อื่นลบหลู่รังแก ฉะนั้นคิดอย่างไรก็อย่างนั้น ประดุจเห็นข้าเป็นสิ่งของในถุง สถานการณ์เช่นนี้ข้าจะกล้านิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร ต่อให้ไม่ไปเข่นฆ่าผู้อื่นอย่างน้อยก็อย่าให้ผู้อื่นเข่นฆ่าถึงจะถูก!”…P. 285
อย่าได้คิดว่าจะแกล้งอาเฉียวได้ง่าย ๆเชียว
****************************
0 comments