ชวนกันอ่าน...พันสารท เล่ม 4 “ลงทุนขนาดนี้...สมเป็นท่านประมุขจริง!”

จบเรื่องพันสารทได้อย่างสวยงาม และประทับใจมากๆๆๆๆ ผูกปมเรื่องมาคลายปมสุดท้ายได้แบบเราวางหนังสือไม่ได้เลย มีช่วงนึงนึกว่าตัวเองเป็นชาวจงหยวนไปอีก คืออินและลุ้นหนักมาก เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น มาฟังเรื่องย่อเราขอเล่ากันค่ะ...


เรื่องย่อเราขอเล่า
ต่อจากเล่มที่แล้วเมื่อเสิ่นเฉียวได้ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มามากมาย สุดท้ายมีเหตุการณ์นึงทำให้ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับสุดยอดฝีมือจะแคว้นทูเจวี๋ย (คนไหนกันน้า) ก็ได้ประมุขเยี่ยนอู๋ซือสุดยอดหัวหน้าพรรคมารมาช่วยเหลืออีกครั้ง
รอบนี้ไม่ใช่การช่วยด้วยความคิดอกุศลแล้วนะคะ ขอเรียกว่า...ทำแต้ม!
บุญคุณนี้เสิ่นเฉียวก็ต้องตอบแทนอยู่แล้ว ขณะเดียวกันประมุขก็ได้รับจดหมายขอความช่วยเหลือฉบับหนึ่ง ดูท่าทางเมืองฉางอัน แคว้นโจวจะมีปัญหาใหญ่ จึงขอให้อาเฉียวร่วมทางไปด้วย เมื่อเป็นแบบนี้อาเฉียวไม่ยอมให้ประมุขมาหลอกกินเต้าหู้อีกแน่
‘ข้าร่วมเดินทางไปกับท่านได้ แต่ต้องมีกฎ ปฏิบัติต่อกันด้วยมารยาท ห้ามแอบดู ห้ามทำตัวหยาบคาย...ไม่งั้นเราจะเดินทางผู้เดียว’
‘ได้’ อาเฉียวเอ๋ย ถ้าคิดจะติดตามเจ้า เจ้าไปที่ใดจะสลัดข้าหลุด
แต่อย่างไรก็ยังเป็นเวรกรรมของท่านประมุข ที่ตอนนี้ยอมเค้าได้ก็ยอมไปก่อน
นอกจากนี้เรื่องราวการเมืองก็กำลังเข้มข้น เปลี่ยนขั้วอำนาจกันฉึบฉับ การจัดอันดับโลกยุทธภพต้องลุกเป็นไฟ แต่ละพรรคแต่ละนิกายก็พากันแย่งความเป็นใหญ่จนวุ่นวาย อดีตเจ้าสำนักเสิ่นก็พร้อมจะกลับไปเคลียปมปัญหาใหญ่แล้ว ประมุขเยี่ยนก็พร้อมที่จะทำเรื่องเหนือความคาดหมายของทุกคนอีกครั้ง
ติดตามฉากจบสุดประทับใจ และตอนพิเศษที่ตัดเข้าโคมธรรมดาเกินไป ขอเป็นผ้าห่มพลิกตลบแล้วกัน>\\<ได้ที่...พันสารท เล่ม 4
**********
            ในเล่มสุดท้ายนี้นอกจากความมันส์ทางการเมือง และโลกยุทธภพที่เกี่ยวมาจนจบ ความสัมพันธ์ของประมุขกับอาเฉียวก็ยังคงความหวานมดแทะหนังสือ ความประมุขจะทำแต้มอย่างจริงใจ ยอมทุกอย่างแล้วเพื่อเธอ ซึ่งจะทำแต้มแบบธรรมดาก็ไม่ได้อีก เพราะไปแกล้งเค้าไว้แรง เรียกว่ากรรมตามสนองโดยแท้สุดท้ายประมุขจึงตัดสินใจทำบางสิ่ง ไม่ว่าเสิ่นเฉียวจะคิดเข้าข้างตัวเองน้อยที่สุดแล้ว ประมุขก็ยังเหมือนทำไปเพื่อเค้า แบบนี้จะได้เห็นคนงามใจอ่อนแล้วรึยังน้า
**********
รีวิวหลังอ่าน (สปอยเล็กๆน้อยๆ)
**********
เสิ่นเฉียว อดีตเจ้าสำนักเสิ่น สู่ปรมจารย์พรตเสิ่น
            ด้วยวรยุทธ์ของเสิ่นเฉียวที่กลับมา แถมยังพัฒนาไปไกลยิ่งกว่าโดยเฉพาะรุ้งผ่านนภา วิชาตัวเบาที่เร็วยิ่งกว่าโดมินิค โทเรตโต ก็ได้เวลาเผยปมสุดท้ายของเสิ่นเฉียว นั่นคือเรื่องราวความวุ่นวายของเขาเสวียนตู ที่มีความเกี่ยวข้องให้เจ้าสำนัก ต้องตกอัพเป็นอดีตเจ้าสำนักไป มาลุ้นกันว่าเขาเสวียนตูแห่งสำนักเต๋านี้จะกลับมาผงาดยุทธภพได้อีกหรือไม่ มีใครเป็นหนอนบ่อนไส้อยู่ข้างในรึเปล่า ใครกันแน่ที่ดีที่ไม่ดี แล้วอาเฉียวจะกลับมาทวงคืนตำแหน่งแบบเดินสวย ๆ เหมือนเดินพรมแดงอย่างไร ต้องไม่พลาดเล่มจบนี้ค่ะ
            เราชอบลูกศิษย์ของเสิ่นเฉียวทั้งสองคนมาก ๆ เพราะฉะนั้นจึงลุ้นอยู่ตลอด ๆ ว่าจะได้เห็นเด็ก ๆ มาอยู่เขาเสวียนตูมั้ยน้า คือพากันไปสถิตอยู่นิกายปี้สยานานมาก5555 

ประมุขเยี่ยนอู๋ซือ ชีวิตก็ไม่ได้ต่างจากการพนัน
            สาเหตุว่าทำไมประมุขชอบทำพฤติกรรมไม่กลัวฟ้าฝน จะทำก็จะทำ จะได้ก็ต้องได้ สิ่งไหนเริ่มดูไม่ใช่ก็จะปล่อยไปทันที ด้วยแนวคิดการใช้ชีวิตของประมุขที่สุดจัดมาก แต่อ่านแล้วก็แอบฉุกคิดว่าก็ถูกของท่านประมุขนะนั่น
           เจ้าว่าดอกไม้นั่นเป็นอย่างไร ประมุขเยี่ยนพูดพร้อมชี้ไปที่ดอกไห่ถัง*
            เจิดจ้าสว่างไสว แดงเข้มเย้ายวน เสิ่นเฉียวตอบ
            เยี่ยนอู๋ซือดีดนิ้ว กิ่งไห่ถังค่อย ๆ ตกลงสู่พื้น ทีละกิ่ง ๆ
            นี่ท่านทำอะไร!’
            ทำลายดอกไม้อย่างไรเล่า ในสายตาข้า ดอกไม้นี่เบ่งบานเต็มที่ที่สุดแล้ว หากบานต่อไปอีก รังแต่จะเหี่ยวเฉาทุกวัน ข้าส่งมันไปบนพื้น ทิ้งช่วงเวลาที่งามที่สุดของมันไว้ในใจเจ้า เช่นนี้ไม่ดีเหรอ
            นี่คือ ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดของเจ้ากับข้า
            เป็นคำพูดของประมุขที่เราชอบมากกก ในตอนแรกคิดว่าประมุขหักกิ่งดอกไม้เล่น แบบคันมือ อยากทำลายของ แกล้งอาเฉียว แต่ความจริงมันแอบแฝงแนวคิดบางอย่าง ซึ่งจะบอกว่าไม่ถูกก็ไม่ใช่ซะทีเดียว อารมณ์เหมือนปรัชญาการใช้ชีวิตแบบสุดจัดของท่านประมุข ที่ให้ความสำคัญกับช่วงชีวิตที่สวยงามน่าจดจำมากกว่า ซึ่งต่างจากอาเฉียวโดยสิ้นเชิง เป็นอาเฉียวมองมันค่อย ๆ เหี่ยวเฉาไปด้วยตัวเองยังจะมีความสุขกว่า
แนบภาพดอกไห่ถัง (Chinese Flowering Crabapple) หรือที่คนไทยมักเรียกว่าดอกซากุระจีน จะบานช่วงฤดูใบไม้ผลิ (เดือนมีนาคม) เป็นพืชตระกูลตระกูลแอปเปิ้ล ตัวดอกนั้นจะมีหลายสี ขาว แดง ชมพู แล้วส่วนใหญ่ที่พบจะเป็นสีชมพู นอกจากนี้แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามมาก ๆ ที่หนึ่งเมื่อเต็มไปด้วยดอกไห่ถัง คือ พระราชวังต้องห้าม ค่ะ
  
ที่มา SpringNewsOnline (www.springnews.co.th/global/36991)
            
           นอกจากนี้ประมุขเยี่ยนก็ยังเป็นสมาชิกพรรคมารคนนึงที่มีการละเล่นอบายมุขทั่วไปบ้าง เช่น การพนัน จนกระทั่งเสิ่นเฉียวมองออกว่า ถึงประมุขจะไม่ได้ลงขันพนันเงินอะไรเหล่านั้น แต่สิ่งที่ประมุขชอบพนันนั้นคือชีวิตของตัวเอง
           ท่านชื่นชอบการพนัน
            ชีวิตก็คือการพนันนั่นแหละอาเฉียว เจ้าคิดดู แค่ว่าเจ้าจะได้ไปเกิดที่ใดก็เป็นการพนันแล้ว
            น่าคิด
            ไม่แปลกที่บางทีเราจะติดการพนันได้ง่าย ๆ เพราะเราเองก็คุ้นชิ้นกับการพนันชีวิตอยู่เช่นกัน พูดไปสถานการณ์เศรษฐกิจบ้านเมืองเราตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากการพนันเลย
            สุดท้ายปรัชญาการใช้ชีวิตแบบคนร้าย ๆ อย่างประมุขเยี่ยนก็น่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ

ตอนพิเศษ
            คือดีงามมากกก บอกไว้ก่อนค่ะสำหรับใครเป็นสาย nc ต้องมีเศร้าใจกันไปค่ะเพราะไม่มีเห็นในงานคุณเมิ่งแน่นอน แต่อย่างน้อยก่อนเทียนแดงม่านปกคลุม ผ้าห่มพลิกตลบ ก็แอบหวือหวากว่ารัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่เยอะค่ะ แถมยังมีให้สามารถสานต่อจินตนาการได้ในแฟนฟิคทั่วไป บอกได้แค่คุณชอบสไตล์ไหนก็มีให้เลือกอ่านหลากหลาย 5555 ในตอนพิเศษนี้ถือเป็นการต่อยอดตอนจบที่ดีมาก ๆ ได้เห็นภาพความสัมพันธ์ของทั้งคู่ว่าจะมีแนวทางไปในทิศทางใด ความตรงข้ามแบบสุดจัดของแนวคิดชีวิต ประมุขพรรคมาร กับเจ้าสำนักเต๋าอ่ะ ถ้าทั้งคู่ลงเอยกันแล้ว จะมีความสัมพันธ์กันไปยังไง ต้องไม่พลาดตอนพิเศษนี้เลยค่ะ
**********


***ต่อมาขอสปอยหนัก ๆ นะคะ
ชอบตอนไหนที่สุดของหนังสือ
            ตัดสินใจไม่ได้อยู่ประมาณสองสามตอน แต่หากถามว่าชอบที่สุดก็คงเป็น...ตอนจบ
            หากท่านฟื้นขึ้นมา อยากให้ข้าทำอะไรก็ได้ แม้ท่านจะบอกข้าว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงหลุมพรางที่ท่านวางไว้...
            ต่อมาจู่ ๆ สุ้มเสียงแผ่วเบาของท่านประมุขก็ถ่ายทอดเข้าหูของเขา เมื่อครู่เจ้าบอกว่าให้เจ้าทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ
            กรีดร้อง เหมือนได้ยินเสียงประมุขดังข้างหู 555 คือ ยัยน้องเราขนาดนี้แล้วก็คือมีใจให้พี่เยี่ยนไปแล้วแน่นอน >///<  ไม่รู้ว่าจริง ๆ ประมุขคือวางหลุมไว้ให้แต่แรกแล้ว ยังมาทำให้น้องอาเฉียวลงหลุมด้วยคำพูดตัวเองอีกมันเป็นแผนมั้ยนะ และอีกฉากที่ชอบคือความเป็นห่วงของอาเฉียวค่ะ เหวลึกกั้นเขาสองลูกไม่มีคำว่ากลัว ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้ ตอนที่ทุกคนบอกจะต้องรีบลงเขาเพื่อไปเขาอีกลูกหาประมุข อาเฉียวคือ ไม่ต้อง ข้าไปเอง แล้วกระโดดข้ามไปเลยพร้อมกิ่งไม้หนึ่งกิ่งเพราะกลัวเสียเวลา ช้าไปนิดประมุขก็อาจจะไม่รอดแล้ว มันสะท้อนว่าอาเฉียวเป็นห่วงขนาดไหน ตอนนั้นภาพของเซียนลอยเข้ามาในหัวเลยค่ะ ผ้าผมปลิวไสว ลอยละล่องดุจเซียน ต้องชื่นชมผู้เขียนและผู้แปลที่ทำให้ฉากนี้เป็นฉากที่ประทับใจที่สุดฉากหนึ่งของหนังสือเลย
            ฉากอื่นไม่พูดก็ไม่ได้ ตอนประมุขตามเสิ่นเฉียวจะไปนิกายปี้สยาค่ะ โง้ย น่ารักมาก ๆ โดยเฉพาะประมุขเยี่ยนเนี่ย อ่านไปลุ้นไปกลัวแต่ประมุขจะกลับมาร้าย แต่ไม่เลย ถึงจะยังปากเสียตามปกติ แต่พี่เค้าเป็นผู้เป็นคนขึ้นเยอะ มีถึงขั้นลงครัวเองอีก ปิดหนังสือกรีดร้องไปหนึ่งรอบ และอีกฉากก็ตอนซ่อนตัวอยู่ในถ้ำแล้วประมุขไปหานกหาปลามาทำอาหารให้ ทั้งตลกทั้งเขิน ชอบความจัดนกย่างให้เป็นรูปดอกเหมยให้เสิ่นเฉียว แถมยังไปบอกเค้าอีกนะว่าต้องเริ่มกินจากตรงกลางไม่งั้นดอกเหมยจะไม่เป็นดอกเหมย ขนาดนี้จะเป็นดอกฟ้า ดอกดินอะไรก็คงไม่แปลกไปกว่านี้แล้วค่ะ อาเฉียวได้แต่ถอนหายใจ
            จริง ๆ ยังมีอีกหลายตอนที่ไม่ได้กล่าวไว้ ณ ทีนี้ อย่างฉากคนงามเมาร้องไห้นี่คือเป็นสปอยที่ไปเห็นมาทวิตเตอร์ เป็นสิ่งตัดสินใจอย่างจริงจังเลยค่ะว่า จะอ่านพันสารท 555 (ขอขอบคุณสปอยนั้นที่ให้เรามาพบกับนิยายดี ๆ) สุดท้ายนี้...
ถามเพื่อนนักอ่านทุกคน...คุณชอบตอนไหนของหนังสือมากที่สุด
**********

ปล. ขอขอบคุณทุกคนนะคะที่เข้ามาติดตาม พูดคุย ติชมมือใหม่หัดเขียนรีวิวในชวนกันอ่านของเราจนครบพันสารททั้ง 4 เล่มนะคะ รอหนังสือเล่มใหม่มาชวนอ่านอะไรกันต่อดี

Share:

0 comments