‘Ama no Jyaku’ ความหมายเพลง กับหนังสือ เหมือนกันยังไง?
เพลงโวคาลอยด์สุดฮิตอย่าง ‘Ama
no Jyaku’ ที่ถูกนำมาสร้างเป็นนิยายอย่าง ‘รักย้อนแย้ง’
หลายคนคงสงสัยว่าความหมายของเพลงคืออะไรกันนะ หรือใครที่ได้อ่านหนังสือแล้ว
เนื้อความของหนังสือตรงกับความหมายของเพลงหรือไม่
เพลง ‘Ama
no Jakyu’ (天ノ弱) หรือภาษาอังกฤษ
‘Heaven's Weakness’ หรือ ‘A Born Coward’ เผยแพร่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2011 แต่งโดยคุณ 164 (อ่านว่า Ichirokuyon หรือที่รู้จักกันในนาม Hiroshi) ให้เสียงร้องโดยโปรแกรมเสียงสังเคราะห์ The second Vocaloid: Gumi ของบริษัทอินเทอร์เน็ต (Internet Co., Ltd.) ในปี 2009 ซึ่งถือเป็นโวคาลอยด์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของบริษัทเลย
ความหมายของชื่อเพลง หากแปลตรงตัว
หมายถึง คนขวางโลก, ความย้อนแย้ง ซึ่งตรงความหมายกับชื่อหนังสือ แล้วสำหรับเนื้อหาภายในเพลงจะเหมือนกับใจความหลักของหนังสือหรือไม่
ลองติดตามได้ด้านล่างเลยค่ะ
ส่วนตัวเราคิดว่า...คนที่กำลังร้องเพลงนี้
คือ อามาโนะ ยู เด็กหนุ่มตัวเอกของหนังสือนั่นเอง
ปล. อาจจะแปลไม่ค่อยตรงมากนัก (มือใหม่หัดแปล^^)
English translation: animeyay
--------------------------------
Let me tell you something I've been thinking about
for a long time.
If we can go back to being friends, then I will ask
for nothing more.
As long as you're okay with it, I really don't
mind.
I, a liar, sang a love song with words contrary to
my thoughts.
ขอผมบอกอะไรคุณหน่อยนะ
ถึงเรื่องที่ผมคิดมาซักพักแล้ว
หากเราสามารถกลับมาเป็นเพื่อนกันได้
ผมจะไม่ร้องขออะไรอีกเลย
ถ้าคุณคิดว่าเรื่องนี้มันดีแล้ว
ผมก็จะไม่เอามาใส่ใจด้วยเช่นกัน
ตัวผมนี้ ‘คนโกหก’
ได้ร้องเพลงรักกับถ้อยคำที่ตรงข้ามกับใจของผมเอง
(อารมณ์ตัวเอกได้ขอร้องคนที่เค้ารักว่าอย่างน้อยกลับไปเป็นเพื่อนกันได้หรือไม่
แล้วตัวเค้าจะไม่ขออะไรไปมากกว่านี้เลย จะไม่เก็บอะไรมาใส่ใจอีกแล้ว
ถึงแม้ตัวเค้าจริงๆ แล้วจะเป็นพีน็อคคีโอ
คนโกหกที่ได้แต่บอกถึงสิ่งที่ตรงข้ามกับความรู้สึกของเค้าจริงๆ)
Today's weather in the area is a clear sunny sky
with a downpour.
Yesterday I was making the best use of my time
being idle and free.
It's not like I'm thinking about you or anything.
Fine, maybe I was thinking about you just a little
against my will.
อากาศในวันนี้เป็นท้องฟ้าสดใสที่มาพร้อมกับฝนโปรยปราย
เมื่อวานผมได้ใช้เวลาอย่างเต็มที่ไปกับการอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย
มันไม่ใช่ว่าผมกำลังคิดถึงคุณหรืออะไรเลยนะ
แต่..เอาจริงผมก็กำลังคิดถึงคุณอยู่นิดนึงก็ได้
(หลังจากนั้นตัวเอกของเราก็ใช้เวลาวันๆไปอย่างเปล่าประโยชน์
เหมือนว่างงาน ทั้งที่จริงยังคงคิดถึงเค้าคนนั้น
แต่ก็ไม่อยากจะยอมรับออกมาตรงๆเลยสักนิด//สายซึนก็มา)
The inside of my head is spinning
just like a merry-go-round.
ภายในหัวของผมกำลังสับสัน
หมุนวนเหมือนชิงช้าสวรรค์
(คิดวนไปแล้ววว)
Since it's on the verge of spilling from my hands,
where should I throw away this love you gave me?
I have no need for things
that diminish the more I use.
มันใกล้จะเอ่อล้นจากมือของผมเต็มที
ความรักที่คุณเคยให้ผมนี้
ผมควรจะเอาไปทิ้งที่ไหนดี
สำหรับสิ่งที่ยิ่งผมใช้ยิ่งหมดไป
ไม่มีความจำเป็นสำหรับผมเลย
(เจ้าความรักนี้
ความรู้สึกนี้มันยังอยู่กับเค้าจนมันจะล้นออกมาอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าจะเอาไปทิ้งที่ไหนดี เค้าเองไม่จำเป็นต้องได้รับความรักนี้อีกแล้ว
เพราะไม่มีคนมาเติมเต็มเช่นเคย มันมีแต่จะหมดไปเรื่อยๆ
เหมือนสิ่งของที่ยิ่งใช้ยิ่งหมดไป)
Let me tell you something I've been thinking about
for a long time.
You can't see its shape, but you can see the words.
I feel frustrated by the fact that there're things
I don't know of.
Are my dangling emotions beautiful or dirty?
I have no idea, and I don't have a place to discard
them to.
ขอผมบอกอะไรคุณหน่อยนะ
ถึงเรื่องที่ผมคิดมาซักพักแล้ว
เป็นเรื่องที่คุณไม่เห็นรูปร่างของมันหรอก
แต่คุณจะเห็นเป็นถ้อยคำ
ผมรู้สึกหงุดหงิดกับความจริงที่ผมเองก็ไม่รู้
อารมณ์กลับไปมาของผมในตอนนี้มันสวยงามหรือสกปรกเหรอ?
ผมไม่รู้เลย
และผมก็ไม่มีที่ที่จะทิ้งความคิดนี้ไปได้
(เค้าเองอยากจะบอกเจ้าก้อนความรู้สึกนี้กับคนรัก
ซึ่งตัวเค้าก็หงุดหงิดมากที่ไม่รู้ว่าเจ้าก้อนอารมณ์นี้มันคืออะไร
คิดว่ามันคือความคิดที่ตีกันไปตีกันมานะ จนทำให้ดูเหมือนคนโรคจิตยังไงอย่างนั้น ซึ่งเค้าก็ไม่รู้ว่าจะกำจัดเจ้าความคิดนี้ออกไปยังไง)
I'll wait until I get to bottom of the meaning of
those words.
Waiting doesn't sound like a bad idea at all
ผมจะรอจนกว่าจะเข้าใจก้นบี้งความหมายของถ้อยคำเหล่านั้น
การรอคอย
ก็ไม่ได้ดูเป็นความคิดที่แย่ซะทีเดียว
(รอ...สักวันคงจะพูดออกมาได้)
Since you're still moving ahead while I've already
stopped completely,
what should I use to fill up the elongating
distance between us?
I, an innate coward,
still can't use my words honestly.
ตั้งแต่ที่คุณยังคงก้าวต่อไปข้างหน้า
ในขณะที่ผมได้แต่หยุดอยู่กับที่
ผมควรจะหาอะไรที่จะมาเติมช่องว่างระหว่างเรานี้ดี
คนขี้คลาดอย่างผม
ไม่สามารถแม้กระทั่งจะพูดสิ่งที่ตัวเองต้องการด้วยซ้ำไป
(เริ่มสงสารตัวเอกแล้วนะ ฮื้อออ
ระยะห่างที่มากขึ้น ตัวเค้าที่หยุดอยู่กับที่ ไม่ต้องถามเลยว่าจะลดระยะห่างนี้ยังไง
เพราะตัวเค้าเองแค่พูดสิ่งที่หัวใจบอกยังทำไม่ได้)
Since it's on the verge of spilling from my hands,
instead of you, to whom else should I give this
love to?
I don't think that someone else can be found so
easily.
Guess I'll keep waiting.
มันใกล้จะเอ่อล้นจากมือของผมเต็มที
นอกจากคุณ
ผมควรจะเอาความรักนี้ไปให้ใครดี
ไม่ได้พบเจอง่ายๆ หรอกนะใครคนนั้น
สงสัยว่าผมคงต้องรอต่อไปสินะ
(แย่แล้วสิ
เจ้าความรักมันจะล้นออกมาแล้ว นอกจากคุณแล้ว ผมจะเอาไปให้ใคร ไม่ได้หาได้ง่าย ๆ
เลยที่จะเจอคนแบบคุณอีกครั้ง นั่นสินะ ผมคงต้องรอต่อไป)
Is this good?
มันคง...ดีแล้วสินะ
--------------------------------
จบไปแล้วกับเพลงซึ้ง ๆ หนึ่งเพลง
สิ่งที่เราอยากบอก แต่บอกออกไปไม่ได้ มันก็คือความย้อนแย้งนั่นเองใช่หรือไม่
สิ่งที่อยากพูด กับสิ่งที่พูดออกไป ดันตรงข้ามกัน ก็ไม่ต่างกับการถูกปีศาจ Amanojakyu
ตามตำนานญี่ปุ่นแกล้งเอางั้นเหรอ (มีปีศาจนี้ด้วย? เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังคราวหน้านะคะ)
ดังนั้น
ใครอยากรู้ว่าเรื่องราวในหนังสือจะมีคนปากแข็งยังไงกันนะ
แล้วสุดท้ายเค้าจะกล้ามาพูดสิ่งที่เค้าคิดได้หรือไม่
ติดตามอ่านแล้วมาเล่าสู่กันฟังได้เลยค่ะ สปอยผ่านเพลงนิดๆ ซึ่งบอกได้เลยว่า
ไม่ได้เสียอรรถรสในการอ่านแน่นอน
สำหรับคนที่อ่านหนังสือมาแล้ว
น่าจะพอเห็นภาพความรู้สึกของเจ้ายูขึ้นมาบ้าง เปิดเพลงบิ้วท์ๆ สักหน่อยอาจจะน้ำตาคลอเบ้าได้
หรือ...เพลงอาจจะไม่ได้ตรงแค่ความรู้สึกของยู
แต่ตรงกับความรู้สึกของใครบางคนอยู่ด้วยเช่นกัน
อ้างอิง https://vocaloid.fandom.com/wiki/%E5%A4%A9%E3%83%8E%E5%BC%B1_(Amanojaku)
0 comments