ชวนอ่าน ‘รักย้อนแย้ง’

จากบทเพลงโวคัลลอยด์ยอดฮิต นี่คือ "ลำนำรักเเห่งถ้อยคำที่สวนทาง" ที่ได้กลายมาเป็นฉบับนิยายโรแมนติกแฟนตาซี อะไรคือถ้อยคำที่สวนทาง อะไรคือความย้อนแย้ง ร่วมค้นหาคำตอบไปกับเรื่องราวความรักของ ยู เด็กหนุ่มนักดนตรีผู้ที่ชีวิตเหมือนมีรูโพรงในหัวใจ และ คานาเดะ หญิงสาวที่มาพร้อมกับความรักอันอบอุ่น เรื่องราวการหายตัวไปของหญิงสาวกับข้อความที่ทิ้งไว้อย่างไม่คาดคิด นำพาชีวิตอันเหลวแหลกของยูมาเจอกับเด็กสาวลึกลับนามว่า แจ็ค ที่จะพาทั้งยูและคุณผู้อ่านไปพบกับคำตอบของชื่อเรื่อง ‘รักย้อนแย้ง’ กัน


เรื่องย่อเบา ๆ
         ‘ตอนนี้ผมรู้สึกได้เลยว่ารูโพรงอันหนาวเย็นในตัวผม มันกว้างขึ้นอีกแล้ว’
          สำหรับอามาโนะ ยู เด็กหนุ่มที่มีแผลในใจบางอย่าง ส่งผลให้เค้ารู้สึกว่าตัวเค้าเองมีรูโพรงอันหนาวเหน็บอยู่ในใจ และเค้าก็ได้ค้นพบว่าสิ่งที่จะช่วยอุดรูโพรงนั้นได้ คือดนตรีที่เค้ารัก และยิ่งไปกว่านั้น ยังมีอีกสิ่งหนึ่ง ที่นอกจากจะช่วยอุดรูโพรงของเค้าได้ ยังช่วยให้ความรู้สึกอบอุ่นวาบหวาม แบบที่ทำให้ยูเชื่อมั่นได้เลยว่า เค้าจะไม่มีทางรับรู้ถึงรูโพรงนั่นอีก นั่นคือ คานาเดะ หญิงสาวผมบลอนด์ยาวราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย ผู้มาพร้อมกับความสดใสและให้ชีวิตกับยูอีกครั้ง ขณะที่ความรักของทั้งคู่ผลิบาน อยู่มาวันหนึ่ง...
          ‘ชอบ...รึเปล่านะ’
          ประโยคสุดท้ายจากคานาเดะก่อนที่จะหายตัวไป ทำให้ยูแทบจะล้มทั้งยืน
          ‘มันหมายความว่ายังไง’
          ‘ทำไมหล่ะ’
          ‘ทำไมเธอถึงพูดแบบนั้น’ หรือที่ผ่านมาเธอไม่เคยรักเราเลย
          ยูคอยถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่เคยได้คำตอบ และก็นั่นแหละ รูโพรงภายในใจของเค้ามันกว้างมากกว่าเดิม มากเสียจนดนตรีก็ไม่อาจช่วยเค้าได้ มากพอที่จะทำให้เค้าอยากหายตัวไปจากโลกใบนี้ แต่ตัวเค้าเองก็อ่อนแอเกินไปที่จะทำเช่นนั้น
          ระหว่างที่ชีวิตกำลังจมดิ่ง เด็กสาวท่าทางสดใส ผู้สวมชุดกระโปรงสั้น และถือร่มสีขาวก้ได้ปรากฏตัวขึ้น นามของเธอ...แจ็ค
          เป็นเด็กผู้หญิงที่ปะหลาดสิ้นดี ยูคิด แต่ด้วยข้อเสนอจะช่วยตามหาคานาเดะ ทำให้ทั้งสองต้องมาร่วมมือกัน
          ‘อยากตามหาเด็กสาวคนนั้นมั้ย’ เด็กหญิงปะหลาดผู้นั้นถามขึ้น
          ‘ไม่มีทางหรอก เราหาเค้าไม่เจอหรอก’ ยูตอบ
          ‘งั้นคงไม่อยากเจอแล้วสินะ’
          ‘ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย’
          ‘งั้นเรามาช่วยกันตามหากันเถอะ’
          ‘แต่ถึงอย่างนั้น...เราก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี’
          ‘งั้นเรา เลิกตามหากันดีกว่า’
          ‘แจ็ค!!!!’
          ความย้อนแย้งในคำพูดของแจ็คแทบจะทำให้ยูประสาทแดก แต่ใครจะรู้ล่ะว่า ความจริงแล้วคนที่กำลังย้อนแย้งกับตัวเอง คือ แจ็ค หรือตัวยูกันแน่

โดนตกมาได้ยังไง
          จากภาพปกนิยายที่เป็นรูปการ์ตูนเด็กสาวสวมชุดกระโปรงถือร่มสีขาว แถมมีคำเปรยปกเบา ๆ
                   ‘สร้างจากเพลงโวคัลลอยด์ที่โด่งดังทั่วญี่ปุ่น!!!’
          เรารู้สึกได้เลยนะว่า ถ้าไม่ใช่พวกโอตาคุหรือรักการ์ตูน ชอบญี่ปุ่น ก็ต้องเป็นคนที่เปิดใจมากกกกก ที่จะสนใจอ่านนิยายเล่มนี้
          ส่วนเรา...เป็นพวกโอตาคุ รักการ์ตูน และชอบญี่ปุ่น
          แต่ใจจริงคือ เราเคยฟังเพลงนี้มาก่อนนั่นเอง ‘Ama no jyaku’ หรือแปลเป็นไทยหมายถึง ความย้อนแย้ง จึงแนะนำสำหรับใครที่อยากลองเปิดใจอ่านนิยายเล่มนี้ เริ่มต้นจากการฟังเพลง จะทำให้คุณเปิดใจกับหนังสือเล่มนี้มากขึ้น
Ama no jyaku (ต้นฉบับ)
ในตอนนั้นเราไม่ได้จะสนใจความหมายของเพลงอะไรมากมาย รู้คร่าวๆ แค่ว่าน่าจะเป็นความรักที่ไม่สมหวัง แต่เพลงเพราะ และด้วยความโด่งดังของเพลงที่ต้นฉบับมาจากหนึ่งในโวคัลลอยด์ หรือโปรแกรมที่สร้างเสียงร้องให้โดยที่ไม่ต้องเพิ่งนักร้องตัวจริง ทำให้เพลงมีหลายเวอร์ชั่นจากการ cover ของเหล่า utau (เหล่านักร้อง) ให้เลือกฟังได้หลากหลาย จนกระทั่งทราบข่าวการออกมาเป็นหนังสือ เลยทำให้ต่อมความสงสัยของเราทำงาน และจัดหนังสือเล่มนี้มาอย่างงงๆ 
ขอนำเสนอเวอร์ชั่น cover ที่เราชอบเป็นพิเศษจากสองนักร้องนี้เลย
Ama no Jyaku (Shin Shakaijin Cover
 
Ama no Jyaku (Akie秋絵 Cover
 
          ยอมรับว่าตอนแรกไม่ได้คาดหวังเลยตัวเนื้อหาเลย ด้วยความว่าเนื้อเรื่องคงเกี่ยวข้องกับความรักแบบ  ร๊ากกกกกกกกก อย่างเดียว บวกกับตัวละครเด่นๆ แค่ 3 ตัวนี้จะดึงดูดคนอ่านให้นั่งอ่านหนังสือเล่มนี้ถึง 300 หน้าได้ยังไง แต่สุดท้าย ฉันก็อยู่กับมันได้
          รวดเดียวจบด้วยนะ!!!!
ความพิเศษของหนังสือ
          อย่างที่กล่าวไปแต่แรกเลย นิยายที่เป็นแนวร๊ากกกกกกกกกอย่างมาก ทำให้เราคิดไปเองว่าอาจจะไม่อินรึเปล่า คนเราทำไมเจ้ายูถึงเกิดไอ้เจ้า รูโพรง! ขึ้นมา มันคืออะไรกันแน่นะ ซึ่งหนังสือเล่มนี้ กลับเขียนให้เราเห็นภาพบางอย่างจนทำให้เราเข้าใจว่า รู้แล้วว่าทำไมนายถึงเป็นได้ขนาดนี้ เข้าใจความรู้สึกของการคิดบางอย่างวนไปวนมาในหัวอย่างที่ถึงคิดจนหัวจิแตกก็ไม่ได้คำตอบ มันค่อยๆ ฝังเราให้จมลงไปในความคิดนั้น กัดกินหัวใจจนเป็นโพรง ทำให้เราอินกับพระเอกไปโดยไม่รู้ตัว และอ่านไปเรื่อยๆ จนปิดหนังสือ
            ทั้งส่วนของปริศนายังเป็นส่วนหนึ่งของนิยายเล่มนี้ด้วย ทั้งการตามหาคนๆ หนึ่ง การค้นหาตัวตนของเด็กหญิงปะหลาด หรือความรู้สึกที่แท้จริงของคานาเดะ มาให้เราลุ้นจนวางหนังสือไม่ได้
สุดท้ายยูจะแก้ปัญหาชีวิตและความรักในครั้งนี้อย่างไร ใครคือแจ็ค เด็กสาวปะหลาดที่เหมือนจะมีแค่ยูที่เห็น(รึเปล่า) เค้าจะตัดสินใจตามหาคานาเดะมั้ย แล้วสุดท้ายเราจะได้รู้ความรู้สึกของหญิงสาวที่แท้จริงหรือไม่
เฉลยตอนจบมาก็ทำเอาซึ้งงงง และร้อง โอ้ววว! ออกมาเหมือนกัน

การรีวิว (ที่ใส่การสปอยลงไป)
          
          ...เมื่ออ่านไปช่วงแรก
          เราไม่ค่อยเข้าใจแกเลยยู
          เราอยากเข้าใจคำว่า รูโพรงภายในใจมาก บางครั้งเราก็แอบคิดไม่ได้ว่า รูโพรงนี้มันอาจเกิดขึ้นได้กับทุกคนรึเปล่านะ ขึ้นกับว่าใครจะอุดมันได้เร็วกว่ากัน หรือบางทีมันอาจจะเหมือนโรคโรคหนึ่งก็ได้ ส่งผลให้คนคนนั้นมีอาการอยากอยู่คนเดียว เหมือนอยากหายไปจากโลก เหมือนมีชีวิต แต่ก็เหมือนไม่มีชีวิต ซึ่งสิ่งที่จะช่วยรักษาเค้าได้ ก็จะต้องเป็นสิ่งที่อุดรูโพรงของเค้าได้นั่นเอง สำหรับยูสิ่งที่ทำให้เกิดอาการนี้ครั้งแรกคือประสบการณ์ทางดนตรีที่ผิดพลาดในอดีต จนกระทั่งโอกาสการแก้ไขกลับมาอีกครั้งเค้าจึงรักษาได้ พร้อมกับยาเสริมเบาๆ อย่างคานาเดะ แฟนคลับนักดนตรีสาวสุดน่ารัก
ที่น่าสังเกตคือ วรรณกรรมหรืออนิเมะญี่ปุ่นมักเปรียบเทียบอาการดังกล่าวว่าเกิดรูโพรงในใจ ถ้าเป็นคนไทยจะเปรียบเทียบว่ายังไงกันนะ
          
          ...เมื่ออ่านไปกลาง ๆ
          เราเริ่มจะเข้าใจแกบ้างและ
          เด็กหนุ่มยูที่เพิ่งอุดรูโพรงนั้นสำเร็จด้วยดนตรี จากความกล้าที่จะลองเผชิญปัญหาจากความล้มเหลวในอดีต จึงช่วยให้เค้ากลับมามีชีวิตอีกครั้ง แต่ก็ต้องกลับมาตายอีกรอบเมื่อแผลใหม่กลับมาทับแผลเดิม และเป็นมากกว่าเดิมอีกจากปัญหาเรื่องความรัก  ระหว่างที่ความรักทั้งคู่กำลังผลิบานเป็นคู่รักกะหนุงกะหนิง คานาเดะจู่ๆ ก็ได้หายตัวไปพร้อมกับคำถามที่โคตรไม่เคลียร์
          ‘ชอบ...รึเปล่านะ’
          กูจะไปรู้กับมึงมั้ยล่ะ ฉันคิดว่ายูก็อาจจะอยากตอกกลับแบบนี้แหละ แต่คำถามที่ยูถามตัวเองมากกว่าคือ ทำไม? เธอคิดอะไรอยู่? เราทำอะไรผิด? หรือที่ผ่านมา...เธอไม่เคยรักเราเลย? คำถามเหล่านี้ ต่อให้นอนคิดวนไปแปดล้านรอบ ก็ไม่มีวันรู้คำตอบ แต่ยูเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเช่นกัน นอกจากจะนอนคิดไปเรื่อยๆ ปล่อยให้คำถามนั้น กัดกินโพรงในใจเราไปเรื่อยๆ บางครั้งยูก็เลือกที่จะลืมเรื่องราวทั้งหมดทิ้งไปซะ! คุณจะได้เห็นยูที่นั่งจ้องข้อความที่เคยส่งหากันในโทรศัพท์ พยายามจะลบมันทิ้งเสียหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ได้นำมันกลับมาทุกครั้งอยู่ดี มันทำได้ซะที่ไหนกัน! และไอ้คำถามที่ไม่มีทางให้คำตอบนี่แหละ ที่ทำให้ชีวิตดนตรีของยูพังลงอย่างไม่เป็นท่า
          
          ...เมื่ออ่านไปตอนท้าย ๆ
          ตอนนี้ชั้นอินกับแกมากเลยยู
          ช่วงเวลาอันหดหู่ของยู จู่ๆ ตัวเราเองก็เกิดความเข้าใจด้วยขึ้นมาซะอย่างงั้น ชีวิตที่กำลังดำดิ่งไปเรื่อยๆ ทำให้ยูได้มาเจอกับแจ็คเด็กปะหลาดสุดย้อนแย้ง ที่มาช่วยยื่นพลังเฮือกสุดท้าย
          ‘หากยังลืมเค้าไม่ได้ นอนคิดไปเรื่อยก็ไม่ได้อะไร แล้วกล้ารึเปล่า ที่จะตามหาตัวเค้าแล้วถามความจริงให้รู้แล้วรู้รอด’
          ‘กล้ารึเปล่าที่จะยอมรับความจริง!!!’
          สิ่งนั้นแหละ อาจจะเป็นสิ่งที่ยูกลัวมาตลอด กลัวคำตอบและความรู้สึกที่แท้จริงของคานาเดะที่มีต่อเค้า เพราะหากคำตอบคือ ‘ชั้นหลอกเธอไง’ เด็กหนุ่มคงทำใจไม่ได้ จนสุดท้ายคือไม่มีความกล้าพอที่จะอุดรูโพรงในตัวเค้าเอง เพราะฉะนั้นสุดท้าย ต้องมาร่วมลุ้นกันว่ายูจะตามหาคานาเดะหรือไม่ แล้วเค้าจะสามารถรักษารูโพรงของเค้าได้รึเปล่า
          และที่สำคัญ
          ‘แจ็ค...ทำไมเธอถึงเข้าใจความคิดฉันไปซะทุกเรื่องขนาดนี้’
          ‘นั่นสิ....ทำไมกันนะ’
-----------------------------
อ่านจบแล้วมาคุยกัน
-----------------------------
....สิ่งที่ได้เมื่อคุณอ่านจบ
          เราปิดหนังสือไปด้วยความอิ่มเอมใจ เป็นอาการที่เกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อปมในหนังสือทุกอย่างมันคลี่คลาย ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของวรรณกรรมแปลญี่ปุ่นเลยทีเดียวที่จะเล่นแง่เรื่องของความรู้สึก โดยอีกฝ่ายจะคำนึงถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายมากเกินกว่าตนเองจนเกิดเรื่องราวลึกซึ้งกินใจแบบนี้
          ทำไมไม่บอกกันไปตรงๆ ฮึ!
          คือประโยคที่เราอยากจะบอกตัวละครในเรื่องมาก แต่สังคมและวัฒนธรรมของคนตะวันออกที่เราต้องเข้าใจ คือ High context culture หรือวัฒนธรรมที่เน้นการเจรจาอย่างอ้อมค้อม รักษาถนอมน้ำใจ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ในระยะยาว (ตามแนวคิดของ Edward T. Hall)1 การที่บอกว่า ‘ใช่’ ‘ตกลง’ อาจจะมีความหมายมากกว่านั้น และนั่นเองคือเสน่ห์อย่างหนึ่งของวรรณกรรมตะวันออก
          แต่อย่างไรก็ตาม...อย่างน้อยการบอกให้อีกฝ่ายได้รู้ไว้ให้ชัดเจน อาจจะทำร้ายเค้าน้อยกว่าการไม่บอกอะไรเลยก็เป็นได้

...ตอนที่ชอบที่สุด
          ยูที่เริ่มเจอเงื่อนงำของคานาเดะกำลังตื่นเต้นไม่ทันไร ความรู้สึกกลัวบางอย่างก็ก่อตัวขึ้นมา ตัวยูเองเหมือนจะรู้สึกลึกๆ ถึงความกลัวเหล่านี้แต่เค้าเองพยายามลืมๆ มันไป แต่สุดท้าย แจ็ค เด็กหญิงถือร่มสีขาว ก็ทำให้ยูต้องกลับมาเผชิญหน้ากับความกลัวนั้นอีกครั้ง
ความกลัวที่จะได้ยินเหตุผลที่แท้จริงของคานาเดะที่ทิ้งเค้าไป
ความย้อนแย้งที่เกิดขึ้นในตัวเองว่าตกลงต้องการจะหาตัวคานาเดะจริงหรือไม่นั้น คำพูดกลับกลอกไปมาระหว่างแจ็คกับยู สุดท้ายมันคือตัวยูเองนั่นแหละที่คอยทะเลาะอยู่กับตัวเอง
มันคงจะดีนะ ถ้าทุกคนที่เป็นเหมือนยูจะมีแจ็คโผล่มาเตือนสติความรู้สึกที่แท้จริงของเรา
สุดท้ายยูที่อยู่ในบ้านร้างของคานาเดะตัดสินใจว่า ‘เอาไงเอากันวะ ชั้นจะถามคานาเดะให้รู้เรื่อง’
‘ชั้นจะตามหาคานาเดะ’...คือตอนที่เราชอบที่สุดเลย เพราะมันคือจุดเริ่มต้นเรื่องราวที่จะคลี่คลายในที่สุด
        
              ถามเพื่อนนักอ่านทุกคน...คุณชอบตอนไหนของหนังสือมากที่สุด




Share:

0 comments