ชวนอ่าน ‘รักเรานั้น...นิรันดร’ วันหนึ่งวันมีค่าเท่ากับสองเท่าของวันพรุ่งนี้
เล่าถึงหนังสือเก่า ๆ เล่มหนึ่งที่เก็บได้จากการรื้อห้องเก่า ๆ ขอบถูกลูกแม็กยักษ์เย็บติดไว้ไม่พอ ยังมีรอยแล็กซีนสีแดงคาดไว้อีก
โอ้โห! หนังสือรุ่นแม่แน่นอน
หน้าปก ‘รักเรานั้น...ชั่วนิรันดร’
เอาแล้วไง ใช่แน่นอน หนังสือความรักลึกซึ้งรุ่นแม่
อ่ะ ลองให้โอกาสอ่านชื่อภาษาอังกฤษ
Suzanne’s Diary for Nicholas
ชัด! ไดอารี่ของหญิงคนหนึ่งถึงชายสุดที่รัก
ไม่ใช่แนวของเราเลย เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อะโลนเนี่ย แต่เดี๋ยวนะ
แล้วทำไมแกต้องเขียนไดอารี่?
เนี่ย...ชื่อหนังสือเริ่มทำหน้าที่ตกพวกนักอ่านขี้เสือกอย่างเรา รู้ตัวอีกทีหนังสือติดอยู่ที่มือตูดก็โยกไปที่เก้าอี้แล้ว
ขอลองเปิดนิดนึงก็ได้ก่อนที่จะ เอ้ย นี่มันไดอารี่จากแม่เขียนถึงลูกเหรอวะ
*********
🔸 เรื่องย่อเราขอเล่า 🔸
อย่างที่เกริ่นไปตอนแรกนี่เป็นไดอารี่ของซูซานนี่หญิงสาวคนหนึ่งที่เขียนไดอารี่ให้ลูกชายที่เพิ่งเกิดของเธอ ด้วยหวังว่าซักวันลูกจะได้รู้จักเรื่องราวของพ่อและแม่ของตนเอง (ไม่เหมือนซูซานนี่ที่เสียพ่อและแม่ไปตั้งแต่เด็ก)
ถึง นิโคลัส ด้วยรักนิรันท์จากซูซานนี่และแมท
แต่ที่จริงหนังสือหน้าแรกเปิดมาที่ผู้หญิงอีกคนชื่อว่า เคธี่
บรรณาธิการคนสวย เธอเพิ่งจะถูกบอกเลิกจากชายคนรัก...แมท
เดี๋ยวนะ...แมท!
หลังจากที่แมทบอกเลิกแล้วหายไป เขาได้นำไดอารี่เล่มหนึ่งทิ้งไว้ให้
‘บางทีไดอารี่เล่มนี้อาจจะอธิบายสิ่งต่าง ๆ ได้ดีกว่าผมก็ได้ ถ้าคุณมีหัวใจ จงอ่านมัน’
‘คุณเป็นคนเพียบพร้อม พิเศษ และงดงาม ไม่ใช่คุณหรอกที่ผิด แต่เป็นผมเอง’
เคธี่รู้ทันทีว่านี่ต้องเป็นไดอารี่ภรรยาของแมท นี่เค้ามีภรรยาอยู่แล้วเหรอ เขามีลูกแล้วด้วยซ้ำ เธอจริงใจต่อเขาอย่างถึงที่สุด เค้ากลับหลอกเธอ
แล้วทำไมเขาต้องทิ้งไดอารี่นี้ให้เธอด้วย
แต่เพราะเธอยังมีหัวใจไง สุดท้ายเธอจึงเปิดอ่าน...เรื่องราวทั้งหมดจึงเริ่มต้น
*********
🔸 รีวิวหลังอ่าน 🔸
หนังสือจะเล่าสลับกันไป พาร์ทของเคธี่ พาร์ทไดอารี่ กลับมาที่เคธี่ แล้วก็ไดอารี่ เหมือนเราอ่านนิยายซ้อนนิยายเหมือนอ่านเรื่องราวที่เวลาซ้อนเวลา
ชิบหาย คนเขียนอย่างเก่ง!
จริง ๆ นักเขียนเองก็ไม่ธรรมดา โด่งดังมากในต่างประเทศจนเคยได้บันทึกว่ามีรายได้จากการเขียนหนังสือมากเป็นอันดับสองรองจาก Fifty shade of Grey ในปี 2013 ทุกวันนี้หนังสือของเขายังขายดีเช่นกัน ถึงส่วนใหญ่จะเป็นแนวสืบสวนสอบสวน
ในพาร์ทของไดอารี่ (พาร์ทส่วนใหญ่ของหนังสือเลย) ทุกคนจะได้รู้จักกับซูซานนี่ ถือเป็นนางเอกอีกคนละกัน และเธอเขียนไดอารี่เป็นเรื่องเป็นราวมาก เรื่องราวของตัวเอง เรื่องราวที่เธอได้รู้จักกับแมท ผู้ชายที่โรแมนติกมากกกกกกก ถึงเจอกันครั้งแรกจะนึกว่าไอ้หมอนี่เป็นคนงานก่อสร้างก็ตาม
ใช่ค่ะ ซูซานนี่กับแมทเป็นคนรักกัน
ซูซานนี่เล่าเรื่องเอาแบบละเอียดยิบ เอาซะวันนึงถ้าลูกอ่านออกคงนึกว่าอ่านนิยายอยู่เหมือนเรา 555 นอกจากความโรแมนติกที่เราจะต้องมีเขิน ๆ ด้วยแหละ คุณยังจะได้รู้ด้วยว่าความรู้สึกว่าคนนี้ใช่มันเป็นยังไง ความรู้สึกว่าคุยถูกคอกับคน ๆ นี้ ความรู้สึกที่ไม่อยากให้เขารีบกลับ ความรู้สึกที่อยากจะแค่อยู่ด้วย ความรู้สึกทั้งมวลที่เกิดขึ้นมาก่อนที่คุณจะรู้ว่ามันคือความรัก
แน่นอนมันไม่ง่ายเลย ที่เราจะรู้ว่าคนนี้ใช่สำหรับเราจริง ๆ มั้ย
แต่สิ่งที่ซูซานนี่บรรยายมันคือสิ่งที่เธอมั่นใจว่าแมทใช่
หลายอย่างมันเป็นเพียงเรื่องธรรมดานะ คุยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน แต่นี่แหละความรักจริง ๆ มันก็ไม่ได้ต้องการความหวือหวาอะไรมากมาย เรื่องที่ต้องต่อสู้ไปด้วยกันในทุก ๆ วันก็เป็นสิ่งธรรมดาที่เราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเจอ และนี่เองคือสิ่งที่ทำให้เราอินกับนิยายเรื่องนี้มาก อินกับซูซานนี่ เธอเป็นผู้หญิงที่ดีจริง ๆ ผู้อ่านจะต้องรักผู้หญิงคนนี้ แม้แต่เคธี่ที่ควรจะเกลียดซูซานนี่แต่เธอก็ทำไม่ลงเช่นกัน
คำพูดติดปากของซูซานนี่คือ
โชคยังดีใช่มั้ย?
ในทุก ๆ วัน สปอยนิดนึงคือนางเอกเราคนนี้มีโรคประจำตัวที่ทำให้ทุกวันที่ยังคงตื่นขึ้นมานั้นคือสิ่งโชคดีที่สุด คุณจะเริ่มรู้ว่าสำหรับบางคนวันหนึ่งวันที่ยังมีชีวิตอยู่มีค่าแค่ไหน แล้วเราเองล่ะให้ความคุ้มค่ากับหนึ่งวันของเราแค่ไหนกัน
และหลังจากจบไดอารี่ คุณจะเข้าใจแมท แล้วที่สำคัญถ้าคุณเป็นเคธี่ที่ได้อ่านไดอารี่ทั้งหมดคุณจะทำอย่างไร (เอาแค่เคธี่เองก็เกือบจะอ่านไม่จบอยู่แล้ว นี่มันไดอารี่เมียของแฟนเก่า!นะ)
*********
นอกจากความรักสิ่งที่เรื่องนี้บอกเราด้วยคือการใช้ชีวิต เราชอบเรื่องลูกบอล 5 ลูกมาก อย่างน้อยชีวิตอันยุ่งเหยิงแต่ละวันของเราก็พอรู้ว่าควรให้ความสำคัญกับอะไร เพื่อน ๆ คิดว่าเรื่องต่อไปนี้เป็นอย่างที่ซูซานนี่บอกจริง ๆ หรือไม่เราคิดว่าน่าจะจริงนะ
*********
🔸 สปอยแบบกรุบกริบ 🔸
เอาเป็นว่าตอนจบดีนะทุกคน ทุกคนที่แตกร้าว สามารถเริ่มต้นใหม่ได้ทั้งนั้น บอกมาขนาดนี้เอาเป็นว่าระหว่างทางอ่านมีน้ำตาแตก😭 เราคือไม่ใช่แค่คลอเบ้าอ่ะ มันร่วงลงมาเลย เปาะแปะ อาจจะเพราะว่าถ้าเป็นเราเองเจอเรื่องแบบนั้น ก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะผ่านมันไปได้อย่างไร แต่สุดท้าย...ทุกคนต้องผ่านมันไปได้นะ
ตอนอ่านจบสิ่งที่ผุดขึ้นมาทันทีเลย คือ
หนึ่ง...บางทีชีวิตก็เหมือนไดอารี่ ชีวิตที่จบ ก็คือไดอารี่ที่ไม่มีอะไรให้อ่านอีกแล้ว มันเหมือนแค่มันหายไป ไดอารี่ก็กลายเป็นแค่สมุดเล่มหนึ่ง คนที่ยากจริง ๆ คือคนที่ต้องอยู่ต่อไปด้วยความทรงจำที่ต้องแบกไว้ทั้งหมด แต่นั่นแหละโอกาสยังเป็นของคนที่อยู่ต่อไปเสมอ
สอง...หรือเราจะลองเขียนไดอารี่ถึงลูก ลูกทิพย์ก็ได้ หากบางเรื่องราวเราจริงใจบอกตัวเองไม่ได้ แต่ถ้าได้บอกคนที่เราต้องรักมากเช่นลูก เราอาจจะเขียนเรื่องนั้นอย่างจริงใจขึ้นมาได้ เหมือนซูซานนี่ไง
*********
ขอบคุณที่ติดตามชวนกันอ่านครั้งนี้จนจบนะคะ ถึงหนังสือจะเก่ามาก แต่การันตีความดีงามแน่นอน
0 comments